นอกจากมันจะเป็นประตูที่ทำให้ เคน ได้ขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับ กรีฟส์ และจ่อก้าวข้ามอดีตแข้งวัย 81 ในอนาคตอันใกล้แล้วนั้น ประตูล่าสุดของเขายังทำให้เกิดเกร็ดที่น่าทึ่งเกี่ยวกับหัวหอกทีมชาติอังกฤษเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นการตอกย้ำถึงฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของเขามากขึ้นไปอีก
ผลงานจากเกมที่ คราเว่น ค็อตเทจ ทำให้เท่ากับว่าตอนนี้ เคน ทำประตูในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 199 ลูก จากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 300 นัด ทำให้เขาเตรียมจะใส่สูทแล้วกลายเป็นคนที่ 3 ที่ได้ต้อนรับเข้าสู่ก๊วนคนที่ยิงใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน้อย 200 ลูก
สำหรับ 2 คนก่อนหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น อลัน เชียเรอร์ กับ เวย์น รูนี่ย์ 2 รุ่นพี่ของ เคน ที่ยิงไป 260 ประตูกับ 208 ลูกตามลำดับ โดย เชียเรอร์ ยิงได้ถึงระดับนั้นจากการลงเล่นไป 441 เกม ส่วน รูนี่ย์ ใช้เวลาไป 491 นัดสำหรับการยิงได้เป็นจำนวนดังกล่าว
ทั้งนี้ หากเอาแค่ปัจจุบันแล้วล่ะก็ เคน มีค่าเฉลี่ยการทำประตูดีกว่า 2 คนนั้นด้วย เพราะเขายิงได้ 0.66 ลูกต่อนัด ส่วนของ เชียเรอร์ กับ รูนี่ย์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.59 ลูกต่อเกมกับ 0.42 ประตูต่อนัด ตามลำดับ
สิ่งที่ทำให้ เคน ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของโลกในยุคปัจจุบันนั้นเป็นเพราะเขามีความอันตรายในทุกจุดของสนาม อย่างเกมกับ ฟูแล่ม เขาก็สามารถส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้จากบริเวณนอกกรอบเขตโทษ
ลูกดังกล่าวทำให้มันเป็นประตูที่ 24 ของเขาจากการยิงบริเวณนอกกรอบเขตโทษ หากนับตั้งแต่ที่เขาประเดิมสนามกับ สเปอร์ส ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งถ้าเทียบเฉพาะช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ยิงจากนอกกรอบเขตโทษได้น้อยกว่า เควิน เดอ บรอยน์ เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น
– สนามไหนก็ได้
ก่อนจะถึงเกมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เคน ยังไม่เคยทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม คราเว่น ค็อตเทจ ได้เลย แต่ในที่สุดเขาก็ปลดล็อกกับการเล่นที่นี่ได้ จนทำให้นี่ถือเป็นสนามที่ 33 ที่ เคน ทำสกอร์ได้ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก
จนถึงปัจจุบัน มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่สามารถจารึกชื่อเป็นผู้ทำประตูในสนามต่างๆ ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าเขา นั่นคือ แอนดี้ โคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ รูนี่ย์ โดยของ โคล เคยทำประตูในสนามต่างๆ ได้ถึง 37 แห่ง ส่วนของ แลมพาร์ด กับ รูนี่ย์ อยู่ที่ 34 สนามเท่ากัน